สรรพคุณผักรสขม

ผักรสขม
ภาพประกอบ healthmee.com

“หวานเป็นลม ขมเป็นยา” สุภาษิตโบราณที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี ความหมายตามพจนานุกรมหมายถึง คำชมมักไร้สาระทำให้ลืมตัวขาดสติ แต่คำติมักเป็นประโยชน์ทำให้ได้คิด เช่นเดียวกันอาหารบางชนิดแม้รสชาติหวานจนน่าติดใจแต่ก็อาจจะนำมาซึ่งโทษและภัยสารพัด วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ผักรสขม 4 ชนิด ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร และสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย

1. สะเดา

ทุกส่วนของสะเดามีคุณสมบัติเป็นยาได้  เพราะผักรสขมอย่างสะเดามีประโยชน์ช่วยบำรุงเลือด ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาระบาย ช่วยให้นอนหลับดี และช่วยรักษาอาการไข้ เรานิยมนำยอดและดอกมาทำอาหาร ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการเช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอาซิน

2. ขี้เหล็ก

ดอกตูมและใบอ่อนของขี้เหล็กมีรสชาติขม ถือเป็นยานอนหลับชั้นดี ช่วยระบายท้องได้ดี บำรุงร่างกาย แก้ระดูขาว แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ แก้ไข้ ช่วยลดความดันโลหิต และรักษากามโรค มีสารอาหาร เช่น วิตามินเอและซีค่อนข้างสูง มีเส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 และไนอาซิน ยอดขี้เหล็กมีสารช่วยคลายเครียดทำให้นอนหลับสบาย เมนูขี้เหล็กที่นิยมมีทั้งดอกตูมและใบอ่อน เช่น แกงคั่วใส่กะทิ หรือกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก แกงขี้เหล็กจะอร่อยก็ต้องมีกะทิใส่ปลาย่างหรือหมูสับ กะทิในแกงขี้เหล็กไม่ได้ใส่เพื่อเพิ่มความอร่อยอย่างเดียว แต่มีส่วนในการดึงสารเบต้าแคโรทีนในขี้เหล็กออกมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นอีกด้วย

3. มะระ

ในตำรายาไทยบอกว่ามะระเป็นยาเจริญอาหาร ยาระบาย  บำรุงน้ำดี แก้โรคของม้าม โรคตับ ขับพยาธิ มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงระดู แพทย์จีนเชื่อว่ามะระมีพลังของ ความเย็น ช่วยขับพิษ ช่วยฟอกเลือด บำรุงตับ มีผลดีต่อสายตาและผิวหนัง แม่บ้านชาวจีน มักจะปรุงอาหารด้วยมะระ ให้คนในครอบครัวรับประทานยามเป็นสิวที่ใบหน้าและร่างกาย

4. ยอ

เป็นผักพื้นบ้านที่คนไทยรู้จักดีและบริโภคเป็นอาหารมานานทั้งใบและผลยอมีวิตามินซีสูง ช่วยต้านมะเร็ง กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ลดอาการภูมิแพ้ ช่วยให้การทำงานของเซลล์ในร่างกายเป็นปกติ เป็นยาระบาย ช่วยขับลม แก้คลื่นเหียนอาเจียน ช่วยย่อยอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงธาตุ ผู้หญิงควรกินลูกยอที่แก่จัดเพื่อบำรุงเลือดลม ปวดท้องประจำเดือน รักษาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติ คนโบราณเชื่อว่าถ้าเลือดลมดี ผิวพรรณก็จะเปล่งปลั่ง สดใส ไม่เป็นสิวฝ้า เราจึงควรหาโอกาสทานอาหารที่มียอเป็นส่วนประกอบเพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารสูงแล้วยังเป็นปัจจัยที่จะทำให้ร่างกายเป็นปกติโดยไม่เสียสมดุล

 

ขิง สมุนไพรสารพัดโรค

 

ขิงสด
ภาพประกอบ howtotreatacidreflux.info

ขิง (Ginger) เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินมีลักษณะคล้ายมือหรือที่เรียกว่า “เหง้า” เปลือกเหง้ามีสีเหลืองอ่อนแต่เนื้อภายในมีสีเหลืองอมเขียว จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับข่า ขมิ้น โดยขิงอ่อนมีสีขาวออกเหลือง รสเผ็ดและมีกลิ่นหอม ยิ่งแก่จะยิ่งมีรสเผ็ดร้อน ลักษณะเป็นกอสูงประมาณ 90 เซนติเมตร ก้านใบเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับเรียงกันเป็นสองแถว มีรูปร่างคล้ายใบไผ่ ปลายใบเรียวแหลม ดอก มีสีขาวออกเป็นช่อบนยอดที่แยกออกมาจากลำต้น ดอกมีลักษณะเป็นทรงพุ่มปลายดอกแหลม มีเกล็ดอยู่รอบ ๆ ดอกจะแซมออกมาตามเกล็ด ผลมีลักษณะกลมแข็ง

ขิง” เป็นสมุนไพรที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค และอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินบี 1 และ บี 2 และขิงยังมีคุณสมบัติ ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน หอบ ไอ ขับเสมหะ ซึ่งสารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยวิธีนำมาทำยารับประทานใช้ขิงแก่ทุบหรือบดเป็นผง ชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อได้ ส่วนขิงสดช่วยย่อยอาหาร เนื่องจากทานมากจนเกินไปหรือมีอาการเมารถ โดยวิธีทำยารับประทานนำขิงสดมาทุบให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ และเกลือประมาณหยิบมือ ดื่มทันทีจะช่วยลดแก๊ส แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติหรือจะจิบแก้ไอ ขับเสมหะก็ได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำขิงร้อนๆ ต้มหอมๆ กลิ่นของมันยังช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีอีกด้วย

นอกจากนี้แล้วการดื่มน้ำขิงยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดี  หากเราจิบน้ำขิงระหว่างวันทุกวัน หรือดื่มหลังมื้ออาหารก็จะช่วยสลายไขมันสะสมได้เร็วขึ้น  แต่ถ้าดื่มน้ำขิงและหมั่นออกกำลังกายด้วย ก็จะยิ่งช่วยให้มีรูปร่างที่ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย ดังนั้นเราควรหาน้ำขิงมาดื่มกันดีกว่า

 

วิธีเลือกซื้อกุนเชียงและเทคนิคการทอดกุนเชียงให้นิ่ม

การเลือกซื้อกุนเชียงตามท้องตลาด ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง บางครั้งก็ได้กุนเชียงคุณภาพต่ำมารับประทาน เพราะไม่ทราบวิธีการเลือกซื้อ จะสังเกตสีก็คล้ายๆ กัน ราคาก็เท่าๆ กัน ไม่มีจุดด้อยหรือจุดเด่นให้สังเกต แต่มีเรามีเคล็ดลับในการดูง่ายๆ มาฝากค่ะ เพียงแค่ให้สังเกตจากเชือกที่ผูกที่มีสีไม่เหมือนกัน เช่นกุนเชียงที่ดีมีคุณภาพจะใช้เชือกสีแดง คุณภาพรองลงมาจะใช้เชือกสีเขียว ส่วนเชือกสีขาวจะเป็นกุนเชียงที่มีคุณภาพต่ำราคาก็จะถูกกว่า แต่แม่ค้าบางคนเหมาขายราคาเดียวกันหมด คือเชือกสีแดงราคาเท่าไหร่ สีเขียวกับสีขาวก็ราคาเท่าเชือกสีแดง เพราะผู้ซื้อไม่ทราบจึงเป็นโอกาสให้ถูกเอารัดเอาเปรียบได้

กุนเชียง
ภาพประกอบ bozo.coop

ส่วนเทคนิคการทอดกุนเชียงให้นิ่มน่ารับประทาน ก็ง่ายๆ ค่ะ เพีบงแค่นำกุนเชียงไปลวกหรือต้มในน้ำเดือดจัดก่อน เสร็จแล้วจึงนำมาทอด เราก็จะได้กุนเชียงที่ข้างนอกกรอบข้างในนิ่มเก็บไว้นานก็ไม่แข็ง