วันนี้คนส่งของลาหยุดอีกแล้วค่ะ แม่ครัวอย่างเราก็เลยต้องแปลงร่างเป็นพนักงานส่งของ ออกไปส่งของที่บริษัทขนส่งและที่ไปรษณีย์ พอส่งของเสร็จเรียบร้อยแทนที่จะรีบกลับบ้านมาทำงานต่อ กลับแอบหนีลั้นลาต่อ ขอช้อปให้หนำใจซักวันเถอะนะวันนี้ งานนี้จัดหนักไม่มีเบรคค่ะ (กำไรจากการขายของวันนี้ได้ไม่คุ้มกับเสียเล๊ยยย อิอิ) ไปโน่นนี่นั่นเกือบทั้งวัน ปิดท้ายด้วยการเข้าร้านทำผมเสียเวลาไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ สะใจคนรอเลยค่ะ พอกลับถึงบ้านก็ทำงานได้ไม่ถึงสิบนาที กลับถึงบ้านก็สลบยาวเลยค่ะงานนี้ ตื่นมาอีกทีก็ี่รอบตัวก็มืดตึ๊ดตื๋อเลย แล้วรู้สึกเหมือนจะไม่สบายด้วย สงสัยเพราะอากาศนอกบ้านมันร้อนมาก แดดก็จัดเราคงเพลียแดดด้วยแหล่ะ แล้วพอกลับมาก็อยู่ในห้องเย็นๆ งานนี้อาจมีป่วยค่ะ เลยอยากหาอะไรที่รสจัดๆ กินซะหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็รื้อตู้เย็นตามเคย วันนี้เราจะทำน้ำพริกมะปรางกินกันดีมั๊ยคะ หลายคนอาจจะไม่รู้จักว่าน้ำพริกมะปรางนี่หน้าตามันเป็นยังไง มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าสูตรการทำน้ำพริกมะปรางของสาวเหนือนางนี้จะต้องทำยังไง เข้าครัวมาเลยคร๊า

สิ่งที่ต้องเตรียม
มะปรางอ่อน 300 กรัม
ปลาทูย่าง 1  ตัว
กะปิปิ้งไฟ 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
กระเทียมไทย 6-7 กลีบ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มสุก

วิธีทำน้ำพริกมะปราง
– ก่อนอื่นเราต้องนำผลมะปรางอ่อนมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้งก่อนค่ะ

– จากนั้นก็นำผลมะปรางมาฝานเป็นแว่นๆ เราจะสังเกตได้เลยว่ามะปรางอ่อนจะฝานได้ง่ายมาก ถ้าเป็นมะปรางแก่เยื่อหุ้มเม็ดข้างในจะแข็งเป็นใยหนาๆ

– แกะเอาเม็ดข้างในมะปรางทิ้งไป

– จากนั้นก็นำมะปรางที่ได้ไปตำให้ละเอียด (โดยปกติเวลาแม่ทำแม่จะใช้เครื่องปั่น แต่เราว่าเนื้อมันละเอียดไป กินแล้วไม่ค่อยได้อรรถรส เราชอบแบบหยาบนิดๆ ) พอตำเสร็จแล้วเราก็บีบน้ำทิ้งไป เวลาปรุงจะได้ไม่มีรสเปรี้ยวเกินไปค่ะ

– นำพริกป่น เกลือป่น และกะเทียมใส่ครกตำให้ละเอียด จากนั้นก็ใส่กะปิปิ้งไฟลงไปตำ (กะปิให้ห่อด้วยใบตองนำไปปิ้งไฟถึงจะหอม แต่เราไม่มีใบตองเลยใช้ฟลอยด์ห่อ เนื้อกะปิเลยออกแนวร่วนนิดๆ ค่ะ)

– จากนั้นก็ใส่ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อ โขลกต่อให้เนื้อปลาทูละเอียด

– ใส่มะปรางที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ

– ตำเบาๆ ให้เข้ากัน

– เสร็จแล้วตักใส่ชาม

– เติมน้ำต้มสุกลงไปเล็กน้อยแค่พอขลุกขลิก เพื่อที่น้ำพริกจะได้ไม่แห้งเป็นผง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ถ้าใครชอบเผ็ดๆ ก็อาจจะเิติมพริกป่นเพิ่มลงไปในตอนนี้ก็ได้ค่ะ จากนั้นคนให้เข้ากัน

ตักน้ำพริกมะปรางใส่ถ้วย ยกเสิร์ฟกับผักสดและแคบหมูได้เลยค่ะ (อ้าว! แล้วผักสดกับแคบหมูของเราหายไปไหน เลยลืมเอามาถ่ายคู่กัน โก๊ะอีกแล้วค่ะ อิอิ)

น้ำพริกมะปรางถ้วยนี้ช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นจริงๆ ค่ะ เผ็ดเปรี้ยวอร่อยสมใจซะจริงๆ ค่ะ

ถ้ามีข้าวเหนียวซักกะติ๊บก็เด็ดเลยค่ะ ที่บ้านมีแต่ข้าวสวย เราเลยกินแกล้มผักสดและแคบหมูอย่างเดียว เป็นอันว่างดคาร์โบไฮเดรทได้เลยค่ะงานนี้ อิอิ ช๊อบชอบ (เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำอีกอร่อยง่ะ)

ข้าวยีสต์แดง
น้ำพริกมะปราง