น้ำผึ้ง มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย และยังสามารถมาใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางหลายชนิด ประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้นมีมากมาย เมื่อน้ำผึ้งกลายมาเป็นที่ต้องของคนจำนวนมาก มักจะมีแม่ค้าหัวใสที่ทำน้ำผึ้งปลอมออกมาวางขายกลาดเกลื่อน ซึ่งในปัจจุบันนี้การจะเสาะหาซื้อน้ำผึ้งแท้มาใช้นั้นค่อนข้างหายาก ถ้าเราไ่ม่รู้จักวิธีดูน้ำผึ้งแท้ว่าดูยังไง เราอาจจะกลายเป็นเหยื่อของแม่ค้าได้ ถ้าอยากได้น้ำผึ้งของแท้เราต้องรู้จักวิธีดูน้ำผึ้งแท้กันก่อนค่ะ วิธีดูน้ำผึ้งแท้ – นำไม้จิ้มฟันมาจุ่มลงในน้ำผึ้ง พอยกไม้จิ้มฟันขึ้นน้ำผึ้งจะหยดและไหลเป็นสายหนืดๆ บางๆ ไม่ขาดสาย และกองกันเป็นชั้นๆ ก่อนที่จะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน – นำน้ำผึ้งหยดลงบนกระดาษทิชชู่ จะพบว่าน้ำผึ้งจะกองเป็นหยดอยู่ซักพักหนึ่ง จะไม่ซึมหายไปเลยอย่างน้ำเชื่อม – ถ้านำน้ำผึ้งไปหยดลงในน้ำ จะพบว่าจะกองเป็นก้อนใต้น้ำก่อนที่จะค่อยๆ ละลายไป – นำน้ำผึ้งที่บรรจุในขวดแก้วใส แล้วสังเกตดูจากข้างขวดจะพบว่าน้ำผึ้งจะโปร่งแสง – หากนำน้ำผึ้งไปเก็บในที่มีอุณหภูมิต่ำจะพบว่าน้ำผึ้งจะมีผลึกของน้ำตาลกลูโคสตกลงเป็นเกล็ดเล็กๆ – หยดน้ำผึ้งลงบนสไลด์แล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทัศน์ จะพบละอองเกสรของดอกไม้หลายๆ ชนิดอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีรูปร่าง ขนาด และสีที่แตกต่างกันออกไป (พบเฉพาะในน้ำผึ้งธรรมชาติเท่านั้นไม่ใช่จากผึ้งเลี้ยง) หากเรายังไม่ได้ตัดสินใจซื้อน้ำผึ้งมาเพื่อทดสอบเอง…
วิธีต้มน้ำซุป
การทำแกงจืดฟังดูอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่การจะทำให้น้ำแกงจืดอร่อยน้ำซุปใสนั้นทำได้ยาก เคยได้ยินกันใช่ไหมคะที่เค้าชอบเรียกแกงจืดว่าแกงจื๊ดจืด หรือไม่งั้นก็แกงจืดสมชื่อ อย่าให้ใครว่าแกงจืดของเราอย่างนี้เชียวค่ะ เพราะการที่แกงจืดจะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้นก็อยู่ที่น้ำซุปนี่เองค่ะ วันนี้เรามีวิธีต้มน้ำซุปให้อร่อยๆ อย่างถูกวิธีมาฝากค่ะ จะได้เปลี่ยนแกงจืดเป็นแกงอร่อยยังไงคะ วิธีต้มน้ำซุปให้อร่อย 1. เตรียมหม้อใบใหญ่พร้อมฝาปิด จำเป็นอย่างยิ่งที่หม้อควรจะมีหูจับเพื่อจะได้สะดวกต่อการยกขึ้นยกลงจากเตา 2. ส่วนประกอบที่จะใช้มาต้มน้ำซุปจะต้องเป็นของสดใหม่ โดยนำกระดูกสับชิ้นใหญ่ประมาณ 4 นิ้ว ส่วนเนื้อหั่นชิ้นเล็กๆ ตัดส่วนที่เป็นมันออกให้หมด ผักประเภทหัว ควรล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นหรือเป็นชิ้น ส่วนผักชนิดอื่นตัดเป็นท่อน ๆ 3. นำน้ำใส่หม้อใส่กระดูกหมูและเนื้อลงไป ยกขึ้นตั้งไฟใช้ไฟกลาง พอน้ำในหม้อเดือดให้ใช้พับพีช้อนฟองทิ้ง จากนั้นปรับไฟอ่อนเคี่ยวไปเรื่อยๆ ใช้เวลาในการเคี่ยวกระดูกประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำหวานในกระดูกออก ใช้ไฟกลาง จนกว่าจะเดือด ใช้ทัพพี ช้อนฟองทิ้งเคี่ยวไฟ อ่อนๆต่อไป เมื่อน้ำซุปจวนจะได้ที่แล้ว…
วิธีแก้มะระไม่ให้ขม
มะระ หลายๆ คนคงไม่มีใครบอกว่าหวานแน่ๆ เลยใช่ไหมคะ เจ้ามะระนี่น้อยคนนักที่จะชอบนำมาประกอบอาหาร ก็เพราะความขมนี่แหละที่ทำให้ถอดใจมาหลายหนแล้ว แต่ถ้าซื้อที่เค้าปรุงสำเร็จแล้วก็อาจไม่แน่ เคยคิดบ้างหรือเปล่าคะว่าทำไมเวลาเราซื้อที่ทำสำเร็จแล้วมาทาน ไม่ยักจะขมหรือถึงแม้จะขมก็ขมอยู่ในเกณฑ์ที่กินได้ (ก็เพราะแม่ค้าเค้ามืออาชีพเค้ารู้วิธีแก้มะระที่ขมให้เป็นมะระที่แสนอร่อยได้ยังไงค่ะ)แต่ถ้าต้องเอามาทำทานเองทำไมขมปี๋เลยก็ไม่รู้ วันนี้เรามีวิธีแก้มะระขมมาฝากค่ะ เพียงแค่นำมะระมาผ่าครึ่งลูกตามความยาว ควักไส้ทิ้งไปแล้วก็หั่นต่อเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในชามตักเกลือป่นใส่ลงไปแล้วคลุกมะระกับเกลือป่นให้ทั่วๆ วางทิ้งไว้สักประมาณ 20 นาที แล้วจึงนำมาล้างน้ำเปล่าเพื่อเอาเกลือออกให้หมด แค่นี้เราก็จะได้มะระที่ไม่ขมปี๋แบบเดิมเอาไปปรุงเป็นอาหารเมนูอร่อยแล้วค่ะ แต่อย่าลืมนะคะที่เค้าบอกว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา เพราะมะระจะทานให้อร่อยต้องอาจจะขมนิดหน่อยแต่ไม่ใช่ขมปี๋ หรือว่าไม่มีความขมหลงเหลืออยู่เลย ถ้าจะให้มะระไม่มีความขมเลยสงสัยจะต้องเลือกไปทานมะระหวานแทนแล้วค่ะ