เมื่อวานเป็นวันหยุดแห่งชาติ คนบ้านนี้เลยออกออนทัวร์กันค่ะ ไปช๊อปปิ้งดูหนัง ฯลฯ เลยงดทำอาหารไปหนึ่งวัน เราออกบ้านกันแต่เช้ากลับเข้าบ้านก็เกือบเย็น วันนี้แม่ครัวก็แสนจะแฮปปี้ได้ช๊อปปิ้งกรุบกริบพอให้ชุ่มช่ำหัวใจ (ส่วนคนไปด้วยแอบบ่นเล็กๆ เพราะขนขึ้นรถลงรถแทบไม่ไหว ส่วนไอ้คนซื้อนะเหรอเิดินตัวปลิว 555) ก่อนจะเข้าบ้านเราเลยขอแวะร้านป้าส้มตำตรงปากซอยแป๊บนึง หลายวันแล้วไม่ได้เม้าส์มอยกัน นั่งคุยกันพอหอมปากหอมคอ แต่คุณป้ามีบ่นๆ ว่าลูกชายของแกที่นอนป่วยมาหลายปีแล้ว (จริงๆ ก็เป็นน้องที่สนิทกันสมัยยังทำงานที่เก่า) อยากกินข้าวคลุกกะปิ ป้าก็ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนมาให้กิน จะขับรถเข้าไปซื้อในเมืองก็ไกลเกิ๊น คนแถวนี้ถ้าไม่มีธุระเข้าไม่เข้าไปกัน เพราะมันไกล (โอ้ว!…คุณป้าช่างตาถึงปรึกษาได้ถูกคนซะจริงๆ ) พิชญาดอทเน็ตเลยจัดการให้ตามความประสงค์ คนสวยใจดีก็งี้แหล่ะค่ะ หาย๊าก อิอิ  พอเข้าบ้านปุ๊บก็รีบเข้าครัวทันที (นานๆ จะมีเหยื่อมาเป็นหนูทดลองชิมฝีมือการทำอาหารของเราซักที หน้าที่ขนของไปเก็บบนบ้านเป็นของคนที่ไปด้วยคร้า อิอิ) เพียงแค่ลงมือหุงข้าวแค่นั้นแหละ ไม่รู้ลมฝนมาจากไหนมากมาย พัดกระหน่ำปานว่าจะให้บ้านหลังน้อยของเราพังราบไปในทันที มองไปข้างนอกบ้านก็เห็นมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว ไฟก็ติดๆ ดับๆ (แถวๆ บ้านนอกก็อยางนี้แหล่ะค่ะ แค่หมาฉี่ใส่เสาไฟนิดนึง ไฟฟ้าก็พาลจะดับซะให้ได้) ในที่สุดมันก็ทำให้หลอดไฟในห้องครัว ตรงจุดที่เราตั้งเตาอยู่ดับไปดวงนึง มองหาพี่แมงมุมแถวๆ นั้นก็ไม่เห็น ไม่งั้นจะเรียกให้มาขยับหลอดไฟให้ซะหน่อย (นึกว่าตัวเองเป็นชมพู่ อารยาอีกแล้วค่ะ อิอิ) เราเลยอาศัยแสงไฟจากอีกหลอดที่อยู่แถวๆ อ่างล้างจาน ก็พอช่วยให้คนแก่สายตาไม่ค่อยดีอย่างเราทำอาหารจนเสร็จ มาค่ะมาดูสูตรการทำข้าวคลุกกะิปิของเรากันเลยดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
ข้าวสวย 2 ถ้วย
กะปิ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ซีิอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่เจียวซอย
กุนเชียงทอด
หมูหวาน
กุ้งแห้งทอด
มะม่วงเปรี้ยวซอย
หอมแดงซอย
แตงกวาฝาน
พริกขี้หนูซอย

วิธีทำข้าวคลุกกะปิ
– เรามาเริ่มลงมือกันโดยนำกระทะยกขึ้นตั้งไฟ  ใช้ไฟกลางถึงอ่อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่ซีอิ้วขาว น้ำตาลปี๊บและกะปิลงไปผัด ผัดให้กะปิละลาย

– จากนั้นตักข้าวสวยใส่ลงไป

– ผัดให้ข้าวสวยคลุกเคล้ากับกะปิจนทั่ว ยกออกจากเตาเำอาไปวางไว้เตาข้างๆ พักไว้ก่อน

– นำกระทะอีกใบใส่น้ำมันสำหรับผัดยกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมสับลงไปผัดให้หอม

– เทข้าวที่คลุกกับกะปิไว้ลงไปผัดกับกระเทียม

– พอผัดเสร็จแล้วก็ตักใส่ชามพักไว้ค่ะ

– ทำไข่เจียวซอย โดยการนำไข่ไก่ 1 ฟอง มาตอกใส่ถ้วย ตีเบาๆ ให้ไข่แหลก นำไปทอดในกระทะแบน กรอกไข่ไปมาให้ทั่วก้นกระทะ ทอดให้แค่พอเหลืองนวล ตักขึ้นม้่วนแล้วซอยเป็นเส้นเล็กๆ เตรียมไว้

– กุ้งแห้งใช้กุ้งเนื้อตัวใหญ่นิดนึง ไปแช่น้ำให้นิ่ม ซาวขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เสร็จแล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ ตักพักไว้ค่ะ

– นำกุนเชียงแค่ครึ่งแท่งมาต้มในน้ำเดือดจัดซัก 7-8 นาที ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันใช้ไฟอ่อนสุด ทอดจนผิวกุนเชียงสุกเกรียม(แต่ต้องไม่ดำ) คีบกุนเชียงออกมาซับกับกระดาษ แล้วหั่นเฉียงๆ บางๆ เตรียมไว้

– ส่วนหมูหวาน (เราเห็นหมูหวานของตัวเองแล้วอยากร้องไห้ ฮือๆ) เราใช้เนื้อหมูเพราะไม่มีหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้นบางพอประมาณ ใส่ลงไปในหม้อใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟ ต้มจนหมูสุก ใส่ซีอิ้วขาว ซีอิ้วหวาน น้ำตาลปี๊บ และผงปรุงรสเล็กน้อย เคี่ยวจนหมูนุ่มจากนั้นใส่หอมแดงเจียวลงไป รอจนน้ำงวดปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเตรียมไว้ (หมูหวานของเราเกือบไหม้ค่ะ เพราะมัวแต่วิ่งเข้าวิ่งออกไปดูหน้าบ้าน เพราะได้ยินเสียงโป๊กปั๊กบนหลังคา นึกว่ามีลูกเห็บตก ที่ไหนได้ทั้งเม็ดสัก กิ่งไม้กระจายเต็มระเบียงและสนามหน้าบ้าน พอกลับเข้าครัวมาดูอีกที น้ำแห้งขอดเลยตัวหมูยังนุ่มอยู่ไม่ถึงกับไหม้ แต่เครื่องปรุงที่ใส่ลงไปมันดำปี๋เลยค่ะ )

– นำมะม่วงดิบมาปอกเปลือกแล้วซอยเป็นเส้นๆ

– แตงกวาก็ฝานบาง

– หอมแดงก็ซอยบางๆ

– ส่วนพริกขี้หนูก็ซอยเตรียมไว้

ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ ทีนี้เราก็มาตักข้าวคลุกกะปิใส่จาน ตกแต่งด้วยเครื่องเคียงที่เราเตรียมไว้ ข้าวคลุกกะปิของเราทำออกมาแล้วน่าทานดีเหมือนกันนะ อิอิ เราก็จัดใส่กล่องให้น้องเค้ากล่องหนึ่งค่ะ

แสงไม่ค่อยพอค่ะ รูปที่ถ่ายออกมาไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่ (แต่พอกลบเกลื่อนสีของหมูหวานไปได้บ้างเล็กน้อย อิอิ)

พอเราทำข้าวคลุกกะปิใส่กล่องให้น้องเค้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีปัญญาเอาไปส่งให้ค่ะ เพราะลมมันแรงมาก ขืนออกไปข้างนอกกลัวว่าสังกะสีจะปลิวมาปาดคอเราซะก่อน เลยโทรไปบอกป้าว่าทำเสร็จแล้วแต่ออกไปไม่ได้ แค่แป๊บเดียวลุงเค้าก็ซิ่งรถมาเอาข้าวกล่องถึงบ้านเราเลย อิอิ (เดือดร้อนชาวบ้านเค้าจนได้)

ข้าวยีสต์แดง
ข้าวคลุกกะปิ