เบกกิ้งโซดา สารพัดประโยชน์

เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือเรียกอีกชื่อที่คุ้นหูกันดีของแม่บ้านทุกคนก็คือ ผงฟู นอกจากจะนำมาทำขนมแสนอร่อยได้แล้ว ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาในครัวเรือนได้อีกด้วย คิดว่าน้อยคนนักที่จะรู้จักประโยชน์ของเบคกิ้งโซดาในด้านนี้ สำหรับคุณแม่บ้านที่ยังไมทราบถึงเคล็ดลับของเบกกิ้งโซดาแล้วละก็ เรามีวิธีที่จะนำเบกกิ้งโซดามาช่วยแก้ปัญหาให้คุณแม่บ้านหายเหนื่อยกันเลยทีเดียวค่ะ 1. ขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่ออ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะเป็นเหตุให้เกิดท่ออุดตันได้ โดยเริ่มจากนำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำเบกกิ้งโซดาต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป ไขมันที่อุดตันอยู่ก็จะหลุดออกไปจนหมด 2. ขจัดกลิ่นเหม็นของท่อระบายน้ำล้างจาน ให้เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย ลงไปในท่อระบายน้ำแล้วปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที เทน้ำส้มสายชูตามลงไปอีก 1 ถ้วย จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นได้เป็นอย่างดี 3. ขจัดกลิ่นเหม็นสาปที่ติดอยู่ภายในกระติกน้ำแข็ง นำเบกกิ้งโซดามาผสมกับน้ำร้อน แล้วนำมาล้างถูภายในกระติกน้ำให้ทั่ว เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอีกครั้งกลิ่นเหม็นสาปก็จะหายไป 4. ทำความสะอาดพรมที่เปื้อนคราบน้ำมัน…

วิธีเลือกซื้อไข่ไก่

ไข่ ถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบหลักในการนำมาประกอบอาหาร และทุกครัวเรือนไม่ว่าไทยหรือเทศจะต้องหาซื้อมาเก็บไว้ในบ้าน หรือแม้แต่ชาวหอก็ยังไม่ขาดวัตถุดิบชนิดนี้เลย แล้วไข่ยังถือได้ว่าสามารถนำมาประกอบอาหารได้ทุกยุคทุกสมัย แต่หลายๆ คนยังไม่ทราบว่าเราจะเลือกซื้อไข่กันอย่างไร เราถึงจะได้ไข่ที่มีคุณภาพ อย่างที่เราพอจะทราบกันอยู่บ้างว่า คุณค่าทางโภชนาการของไข่ไก่นั้นอยู่ที่เป็นไข่สด ไข่ไก่จะสดหรือไม่สดนั้น ก็สามารถดูได้จาก 1. สังเกตที่เปลือกไข่ ไข่สดจะมีผงคล้ายแป้งฉาบติดอยู่ ไข่เก่าเปลือกจะมันลื่น 2. ลักษณะเปลือกไข่ภายนอกเป็นสีนวลเพราะไข่เก่าที่ใกล้จะเน่านั้น จะมีลักษณะจุดสีเทาขาวๆ ดำๆ อยู่ที่เปลือก ยิ่งลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นได้ว่ามีสีคล้ำๆ  อยู่ด้วย 3. ทดสอบโดยการเขย่าไข่เบาๆ ดูว่ามีการสั่นคลอนข้างในหรือไม่ เพราะว่าไข่สดเนื้อจะแน่นติดเปลือก มีน้ำหนักไม่สั่นคลอน 4. เลือกดูขนาดของไข่ แต่ถ้าขนาดของไข่พอๆกัน ให้เลือกซื้อไข่ที่มีลักษณะรูปร่างกลม เพราะจะมีน้ำหนักเนื้อมากกว่าไข่รูปยาวๆ 5. เลือกดูเปลือกไข่ที่สะอาดสะอ้านจะเหมาะสมกับการนำไปประกอบอาหารเพราะถ้าเปลือกไข่สกปรก เชื้อโรคก็จะสามารถแทรกซึมเข้าไปในไข่ได้ ทำให้ไข่เสียเร็ว และจะต้องทิ้งไปก่อนที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ…

วิธีเก็บเต้าหู้

วันนี้มีวิธีเก็บเต้าหู้มาฝาก จะเป็นที่รู้ๆ กันดีสำหรับคุณแม่บ้านทั้งหลายว่า เต้าหู้เป็นอาหารที่บูดหรือเสียได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเต้าหู้นั้นไม่ได้ใส่สารกันบูด บางครั้งที่เราได้ซื้อเต้าหู้มาไว้ในตู้เย็นแล้วก็ไม่สามารถเก็บได้ไว้นาน แต่ไม่รวมเต้าหู้หลอดนะคะ เก็บแค่เพียงวันสองวันเต้าหู้จะเริ่มเป็นเมือก มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ดังนั้นวิธีที่จะเก็บเต้าหู้ได้นานวันยิ่งขึ้นก็ให้นำน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว ใส่ชามแล้วเอาเต้าหู้ที่ซื้อมานั้นลงไปแช่น้ำให้น้ำท่วมเต้าหู้ แล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็น ก็จะสามารถยืดอายุการเก็บไว้ได้นานถึง 7-15 วัน แล้วแต่ว่าเป็นเต้าหู้ชนิดไหน สำหรับเต้าหู้อ่อนจะเก็บได้ไม่นานเท่าเต้าหู้แข็ง เพราะมีน้ำผสมอยู่ในเนื้อมากกว่า แต่ในกรณีที่เป็นเต้าหู้หลอด ให้เก็บในห้องช่องเย็นธรรมดาก็เก็บไว้ได้นานหลายวัน แต่อย่านำไปแช่ในช่องแช่แข็งเด็ดขาด ไม่งั้นลักษณะของเนื้อเต้าหู้จะเปลี่ยนไป เหมือนจะมีแกนน้ำแข็งอยู่ในเต้าหู้  ส่วนเต้าหู้ทอดเก็บได้ในตู้เย็นช่องธรรมดาแต่ไม่นานก็จะขึ้นรา ดังนั้นการจะประกอบอาหารจากเต้าหู้ก็ไม่ควรซื้อเต้าหู้ในปริมาณที่มากมาเก็บตุนไว้ เพราะรสชาติและกลิ่นของเต้าหู้จะเปลี่ยนไป