เมื่อวานอากาศร้อนม๊ากมาก แต่ยังไงก็ต้องออกจากบ้านอยู่ดี เพราะพี่สาวที่อยู่กรุงเทพฯ อยากได้ชุดพื้นเมืองให้เด็กๆ เอาไว้ใส่เล่นๆ ในช่วงปิดเทอม เราเลยต้องออกบ้านไปหาซื้อให้ ระหว่างที่ไปเดินๆ เลือกซื้อชุดพื้นเมืองอยู่นั้น เราเจอร้านขายผ้าสวยๆ เยอะมาก เลยแว๊ปเข้าไปเดินดูแป๊บนึง แค่แว๊ปเข้าไปดูเฉยๆ นะคะ แต่เราได้ผ้าหลากหลายสีมาเต็ม 3-4  ถุงเลย เดี๋ยวมีเวลาว่างจะได้เอาผ้าพวกนี้มานั่งเย็บปักถักร้อยตามประสาแม่บ้านแม่เืรือน (อิอิ แม่บ้านแม่เรือนฟังเป็นกุลสตรีดีนะคะ) ระหว่างทางกลับบ้านเราเห็นมีร้านไอศครีมอยู่ข้างทาง อากาศร้อนๆ แบบนี้ได้กินไอติมซักถ้วยน่าจะดีนะคะ (คิดในใจค่ะ) แต่ปากก็กลับพูด จ๊อดๆๆๆ จอด จะกินไอติมร้านนี้ (ด้วยเสียงที่ดังมว๊าก)  คนขับรถตกใจรีบเบรครถตัวโก่งเลย รถไปหยุดเลยร้านไอศครีมไปนิดนึง แต่เราบอกถอยอีกนิดได้ป่าวเอาให้ตรงๆ กับหน้าร้านเค้าเลย จอดตรงร้านของคนอื่นเดี๋ยวเค้าจะด่าเอา (เรื่องของเรื่องคือขี้เกียจเดินไกลค่ะ แดดแรงมากเดี๋ยวผิวจะเสีย อิอิ) คนขับรถก็แสนใจดีก็ถอยให้ตามใจเรา เราก็บอกจอดแอบๆ เข้าด้านข้างอีกนิด (พูดพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปนอกรถเพื่อดูทางให้) เค้าก็ทำตามซักพักได้ยินเสียงปึ๊งคลึ่กๆๆๆๆ ว๊ายยยรถชนเข้ากับอะไรเนี่ย เรารีบลงรถมาดูแงๆๆ รถเรามีรอยครูดด้านกันชนหน้าเป็นแถบเลย เอาไงล่ะนี่ เลยโทรหาเพื่อนที่เป็นช่างเล่าให้เพื่อนฟังว่ารถเป็นแบบนี้ๆ ถ้าจะเอาไปเคลมประกันเค้าจะเปลี่ยนกันชนอันใหม่ให้เลยหรือเปล่า เพื่อนบอกว่าถ้าแค่รอยขูดเค้าไม่เปลี่ยนให้หรอก ถ้าอยากเปลี่ยนก็ต้องชนอีกทีให้มันแตกไปเลย เราใจไม่ถึงพอเลยบอกว่าไม่เอาไม่ทำเดี๋ยวกลัวรถจะพังมากเกินไป เราเลยขับรถเข้าศูนย์แล้วให้ศูนย์เรียกประกันมาให้ คุยกันยังไงประกันก็ไม่ยอมเปลี่ยนให้เค้าบอกว่าเป็นรอยแค่นี้ทำสีได้อย่างเดียว แต่อีกเค้าไม่ยอมเค้าจะเปลี่ยนใหม่ให้ได้ เราก็เลยพูดกับน้องประกันเค้าไปว่ามันมีวิธีไหนบ้างที่พี่จะได้เปลี่ยนใหม่ เค้าก็ยืนยันคำเดิมว่าเปลี่ยนไม่ได้ต้องทำสีเท่านั้น เราก็ตื้อน้องเค้าเรื่อยจนน้องเค้าอ่อนใจหรือรำคาญก็ไม่รู้ เค้าก็พูดว่าพี่ก็ภาวนาให้ช่างเค้าเจอว่าด้านในมีรอยแตกก็แล้วกัน แล้วให้ช่างโทรไปหาผมอีกทีนึง แล้วทางประกันเค้าถึงจะเปลี่ยนใหม่ให้ (บอกพี่เป็นนััยๆ ว่าต้องทำยังไงใช่มั๊ยค๊า อิอิ) พอประกันกลับเราก็ให้ช่างมาเช็ครถ สุดท้ายเราก็ได้เปลี่ยนกันชนใหม่จริงๆ (ไม่ต้องบอกนะคะว่าเราทำยังไง อิอิ) ทีนี้ก็เลยโล่งใจขึ้น พอกลับถึงบ้านก็เลยมีอารมณ์มานั่งทำอะไรกินกัน เราได้ฟักทองมาลูกนึง ลูกค่อนข้างใหญ่พอสมควร จะเป็นฟักทองแบบลูกยาวๆ เนื้อด้านในสีเหลืองสวยมาก เราเลยตัดแบ่งมาครึ่งลูกจะเอามาทำฟักทองกวน เพื่อที่จะอัดลงพิมพ์แล้้วเก็บใส่โหลเอาไว้หยิบทานเล่นๆ แต่พอทำจริงๆ มันใช้เวลานานมาก แถมยังต้องใช้ไม้พายกวนอยู่ตลอดมันปวดแขน (ตอนนี้กล้ามแขนเราจะใหญ่กว่าขาแล้วคะ) เราเลยเปลี่ยนจากที่จะเอามาอัดลงพิมพ์ เปลี่ยนเป็นเอามาทำเป็นไส้ขนมก็แล้วกัน  เรามาดูวิธีทำฟักทองกวนกันกันเลยดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
เนื้อฟักทอง 800 กรัม
น้ำตาลทราย 150 กรัม
นมสด 600 มล. (ปกติจะใช้กะทิแต่แฟนเค้าของดทานพวกกะทิเพราะไขมันสูง เราเลยใช้นมสดแทน)
เกลือป่น 1/3  ช้อนชา

วิธีทำฟักทองกวน
– เริ่มจากนำฟักทองมาปอกเปลือกควักเอาไส้ออก ล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง

– นำเนื้อฟักทองที่ได้มาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ (ถ้าทำชิ้นใหญ่ไปจะเสียเวลาในการนึ่งนานค่ะ)

– นำฟักทองไปนึ่งจนสุกนิ่ม ตักใส่ลงไปในชาม

– บดฟักทองให้ละเอียด

– พอฟักทองละเีอียดดีแล้ว ใส่นมสดลงไปในชามฟักทองบด คนให้เข้ากัน

– ใส่น้ำตาลและเกลือป่นลงไป แล้วคนให้น้ำตาลละลาย

– เทส่วนผสมที่ได้ใส่ลงไปในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ ปรับใช้ไฟกลางถึงอ่อน พอน้ำฟักทองเดือดจัดก็ลดใช้ไฟอ่อนสุด ในระหว่างนี้ต้องหมั่นคน เทคนิคการกวนฟักทองต้องใช้ไม้กวนไปทิศทางเดียวกัน จะเลือกหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือทวนเข็มก็ได้ เลือกเอาวิธีใดวิธีหนึ่งตามความถนัด

– พอเรากวนไปได้ประมาณ 30 นาที ก็จะได้เนื้อฟักทองกวนประมาณนี้ค่ะ เราต้องกวนและหมั่นคนไปเรื่อยๆ

– พอกวนครบชั่วโมงเนื้อฟักทองกวนก็จะงวดขึ้น (ถ้าจะทำฟักทองกวนที่อัดลงพิมพ์เพื่อเก็บไว้ทานเป็นของว่าง ต้องกวนอีกจนเนื้อฟักทองเหนียวเกือบใสเลยทีเดียว แ่ต่เราเมื่อยแขนแล้วเลยหยุดแค่ 1 ชั่วโมงพอค่ะ)

– พอเรากวนครบ 1 ชั่วโมงแล้วก็ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนเย็นจึงตักใส่โหลแก้วปิดฝาให้สนิทเก็บเข้าตู้เย็น

ฟักทองกวนที่เราทำสามารถนำไปทำเป็นไส้ขนมหรือไส้พายก็ได้ค่ะ

แต่เราขี้เกียจและพอเห็นฟักทองกวนแล้วก็อยากจะชิมทันที เลยนำมาป้ายลงบนขนมปังทำเป็นแซนวิชฟักทองกวน อร่อยกว่ากินแซนวิชไส้แยมผลไม้เป็นไหนๆ ค่ะ

หรือจะนำไปทำเป็นแซนวิชอบก็อร่อยเหมือนกันค่ะ มีเทคนิคเพิ่มความอร่อยอีกนิดนึง ด้วยการโรยงาดำหรืองาขาว หรือไม่ก็เมล็ดฟักทองอบลงไปบนหน้าฟักทองกวน แค่นี้ก็ได้ความอร่อยที่ไม่ซ้ำใครแล้วค่ะ

ข้าวยีสต์แดง
ฟักทองกวน