เห็ดนางฟ้าผัดไข่

เมื่อตอนเย็นเราออกไปเดินเล่นๆ แถวตลาดใกล้ๆ บ้าน ไม่ได้คิดไว้ว่าจะต้องซื้ออะไรบ้าง โดยปกติจะถือโพยไปด้วย จะเอาอะไรก็ซื้อๆ ได้เลยไม่ต้องเสียเวลาคิด แต่วันนี้ไปเดินเล่นจริงๆ เดินดูของวนไปวนมาหลายรอบ ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จะได้ก็แต่ขนมของขบเคี้ยวแค่ไม่กี่อย่าง พอตัดสินใจว่าจะกลับแล้ว คนที่ไปด้วยก็มาสะกิดข้างหลัง บอกให้ช่วยซื้อเห็ดกับยายหน่อย เพราะเห็นยายนั่งขายอยู่นานแล้วยังขายไม่ได้ เรา็ก็เลยช่วยซื้อเห็ดนางฟ้าของยายกลับมาด้วยถุงนึง พอกลับมาถึงบ้านเราก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเห็ดมาทำอะไรกิน แต่คนที่อยากซื้อเค้าบอกว่าเค้าอยากกิน เห็ดนางฟ้าผัดไข่ เมื่อคุณขอมา พิชญาก็เลยจัดให้ได้ตามคำขอคร่า (จริงๆ เมนูนี้เป็นที่เราชื่นชอบมาก ตอนเราคบกันใหม่ๆ สมัยเรียนหนังสือ เราจะมีร้านประจำที่จะต้องไปนั่งกินข้าวกันทุกวัน และเมนูประจำที่ป้าเจ้าของร้านจะจำได้เมื่อเห็นหน้าเรา ก็คือเมนูเห็ดนางฟ้าผัดไข่ งั้นวันนี้เรามาย้อนวันวานกันด้วยเมนูเห็ดนางฟ้าผัดไข่กันดีกว่า 555) มาค่ะมาลงมือทำ เห็ดนางฟ้าผัดไข่สูตรวันวานยังหวานอยู่กันดีกว่าค่ะ อิอิ สิ่งที่เตรียม เห็นนางฟ้า 200 กรัม เนื้อหมู 100 กรัม…

น้ำพริกปลาทู

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานน้ำพริกจิ้มกับสาระพัดผัก วันนี้เราจึงอยากนำเสนอเมนูน้ำพริกอีกถ้วยหนึ่ง (แต่ไม่ใช่น้ำพริกถ้วยเก่านะคะ 555 ) แต่จะเป็นเน้ำพริกปลาทู ซึ่งปกติน้ำพริกปลาทูของบ้านเราจะมีอยู่สองแบบ แบบแรกไม่รู้ว่าจะมีใครเลยทานหรือเปล่า เพราะเราเคยทำให้เพื่อนๆ ทาน ไม่มีใครรู้จักซักคน แต่หมดเกลี้ยงทุกที โดยเราจะใช้พริกป่นตำกับปลาทูเ็ค็มย่าง เวลาทานคู่กับมะเขือขื่นลูกอ่อนๆ ต้มและยอดมันแกวลวก โอ๊ววว อร่อยสุดยอดไปเลย แบบที่สองก็คือน้ำพริกปลาทู ที่ใ้ช้ปลาทูนึ่งย่างไฟตำกับน้ำพริกหนุ่มปรุงรสด้วยน้ำมะนาว อร่อยจี๊ดแซ่บบบบบบบ และวันนี้เราจะมาทำน้ำพริกปลาทูสูตรที่สองทานกันค่ะ ใครอยากทานก็รีบไปตลาดหาซื้อเครื่องปรุง สำหรับทำน้ำพริกปลาทูมาทำโดยด่วนเลยค่ะ ไม่งั้นจะมานั่งน้ำลายสอทีหลังไม่รู้ด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าสวยไม่เตือน 555 มาค่ะมาตำน้ำพริกปลาทูกันเลยดีกว่าค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียม ปลาทูนึ่ง 2 ตัว (ถ้าเป็นปลาทูตัวใหญ่ก็ใช้แค่ตัวเดียวก็พอ ของเราหาตัวใหญ่ไม่ได้เลยต้องใช้ตัวเล็กแทน) พริกหนุ่ม 5 เม็ด พริกขี้หนู 10 เม็ด หอมแดง…

น้ำพริกปลาร้าหมูสับ

รู้สึกว่าเรามาเกิดเป็นคนที่โชคดีมากๆ ที่สามารถจะเลือกทานอะไรก็ได้ตามใจชอบ แ่ต่เราก็ไม่ค่อยมองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของอาหารที่จะทานในแต่ละวัน ส่วนมากเราจะเลือกทานตามใจปากมากกว่า แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่ายังมีคนอยู่คนหนึ่งที่เค้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกทานอะไรที่ตัวเองอยากทานได้เลย  มีใครได้ดูรายการตีสิบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาั่มั่งคะ เรื่องของน้องนีโม่ที่ป่วยเป็นโรคฉี่หอม ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่จำกัดปริมาณโปรตีน การที่น้องนีโม่ทานโปรตีนเกินปริมาณที่ร่างกายของน้องเค้าจะรับได้ ทำให้โปรตีนส่วนเกินที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ ไปทำลายสมองของน้องทำให้น้องป่วย ถ้าวันไหนทานโปรตีนเกินปริมาณน้องจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด (คุณแม่น้องบอกว่าน้องจะปวดที่ศีรษะ) แล้วเวลาฉี่ออกมาจะมีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นน้ำเชื่อมไหม้ อาหารที่น้องทานได้ก็จะมีแค่ผัก ข้าวสวย และน้ำเปล่าผสมกันเท่านั้น ความจริงน้องเป็นคนน่ารักมาก แล้วน้องก็อยู่กับแม่แค่ 2 คน ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แม่ต้องทำมาหากินเลี้ยงน้องตามลำพัง น้องต้องดื่มนมเฉพาะสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนนี้เท่านั้น ปกติหมอจะสั่งให้น้องกินนมได้วันละ 4 ช้อน แต่ด้วยความที่แม่หาเงินคนเดียว ไหนจะต้องมีค่ารักษาพยาบาลน้อง แล้วค่านมก็แพงทำให้น้องได้กินนมเพียงแค่วันละช้อนเดียว หรือหากวันไหนน้องหิวมากๆ แ่ม่ก็จะแถมให้น้องอีกหนึ่งช้อนเท่านั้น แม่ของน้องบอกว่าการให้น้องกินนมช้อนเดียวทุกวัน ดีกว่าการกินวันละ 4 ช้อน แต่พอนมหมดน้องก็จะอดแล้ววันต่อๆ ไปน้องก็จะไม่มีนมกิน จนกว่าคนแม่จะมีเงินมาซื้อนมให้น้อง…