ประโยชน์ดีๆ จากน้ำมันงา

งา (Sesame) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Sesamum indicum L. เมล็ดงามีประโยชน์ ประกอบด้วยน้ำมันระหว่าง 46.4 – 52.0% มีโปรตีน 19.8 – 24.2% ซึ่งมีสัดส่วนดี จึงเป็นอาหารที่ดี มีสารมีไธโอนีนและทริพโทแฟ็นสูง มีแคลเซี่ยม โปรแตสเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินบี และเหล็ก น้ำมันงาที่ดีได้มาจากการหีบโดยไม่ใช้ความร้อน (cold pressed) น้ำมันงาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างของโมเลกุลน้ำมัน และไม่มีสารเคมีตกค้าง

น้ำมันงา
ภาพประกอบ oknation.net

น้ำมันงานั้นมีกรดไขมันอิ่มตัวชนิดหลายตำแหน่ง (Polyunsaturated fatty acids) ระหว่าง 40.9 – 42.0% ชนิดไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (Monounsaturated fatty acids) ระหว่าง 42.5 – 43.3% ซึ่งชนิดหลังนี้ เชื่อว่าช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงแข็งและโรคหัวใจ

น้ำมันงามีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย ดังนี้

1.  ช่วยขยายหลอดเลือด

2.  ช่วยลดความดันโลหิต

3.  ป้องกันเกล็ดเลือด (Plate Ket) เกาะกันเป็นลิ่ม ถ้าเกาะกันมากอาจอุดตันหลอดเลือดเล็กๆได้

4.  ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลมากเกินไป

5.  งามีแคลเซี่ยมสูงทำให้กระดูกแข็งแรงเพิ่มความหนาให้มวลกระดูก

ในงามีแคลเซียมสูงมากกว่าพืชทั่วไปถึง 40 เท่า ทั้งยังมีฟอสฟอรัสมากถึง 20 เท่า สาร 2 ตัวนี้เป็นธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน จึงควรให้เด็กกินงาจะได้เจริญเติบโต สูงใหญ่ สตรีวัยหมดประจำเดือนก็ควรกินงามากๆ เพราะวัยนี้จะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตเจน ทำให้มีการดึงแคลเซียมาจากกระดูกและฟัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสื่อม

นอกจากนี้งายังมีวิตามินอี (vitamin E)ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่ม – สาวและแก่ช้าลง

และที่สำคัญ งามีเลซิติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมอง หัวใจ ไต ควรรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา แล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้จิตแจ่มใส อารมณ์ดี

นอกจากงาจะดีต่อสุขภาพร่างกายของเราแล้ว ยังดีต่อความงามผิวพรรณของเราด้วย น้ำมันงานำมาหมักผมจะทำให้ผมดกดำ ไม่หลุดร่วงง่าย และไม่แตกปลาย น้ำมันงาบำรุงผิวหน้า ผิวกาย นวดตัว จะกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น และงายังช่วยฆ่าเชื้อ ดับกลิ่นปาก เพียงอมแล้วกลั้วคอ วันละ 5 นาที จะทำให้ลมหายใจสดชื่น

 

คุณประโยชน์ดีๆ จากน้ำมะพร้าวอ่อน

น้ำมะพร้าวอ่อน
ภาพประกอบ oknation.net

ต้นมะพร้าว อยู่คู่คนไทยมาช้านาน นอกจากนำมาประกอบอาหารคาว-หวาน ได้หลากหลายเมนูแล้ว ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่หลายคนยังไม่รู้ วันนี้ Pitchaya.net มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับต้นมะพร้าวมาฝากกันนะคะ

ต้นมะพร้าวมีลำต้นสูง ทำให้ธาตุอาหารต่างๆ ในดินที่ต้นมะพร้าวดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงลำต้นและลูกมะพร้าว ต้องผ่านการกลั่นกรองตามชั้นต่างๆของต้นมะพร้าวกว่าจะถึงลูกมะพร้าวที่อยู่ข้างบน น้ำและเนื้อมะพร้าวที่ได้จึงบริสุทธิ์มาก น้ำมะพร้าวหรือเนื้อมะพร้าวเป็นอาหารที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เต็มไปด้วยกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าไปใช้ได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เป็นต้น

ประโยชน์ดีๆ จากน้ำมะพร้าวอ่อน

  • การดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นประจำจะช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากจะกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี
  • การดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนจะมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง
  • น้ำมะพร้าวอ่อน มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกายจึงช่วย  ให้ผิวพรรณ ผ่องใส
  • สำหรับสตรีวัยทอง หรือกำลังเข้าสู่วัยทอง ควรดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน สัปดาห์ละ 2-3 ลูก จะช่วยทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายสมดุล ทำให้แก่ช้าลง และไม่ต้องทานฮอร์โมนเสริม
  • น้ำมันมะพร้าวและกะทิสามารถรักษาโรคที่เกิดจากร่างกายมีความเป็นกรดมากเกินไป คนไทยถือว่า มะพร้าวเป็นยาบำรุงรักษาเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูกได้
  • ช่วยลดอาการก่อนมีรอบเดือน ของสตรีวัยเจริญพันธุ์เช่นอาการปวดศีรษะ  ปวดท้องน้อย
  • การทานน้ำมะพร้าว พร้อมกับเนื้อ ร่างกายจะได้ทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสติน ซึ่งจะไปออกฤทธิ์ ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน ทำให้สิวลดลง ผิวพรรณเรียบเนียน แลดูสุขภาพผิวดีขึ้น  เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่เป็นสิว
  • ช่วยตับทำลาย “เอสโทรน” (estrone) ซึ่งเป็นสารที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน ให้กลายเป็นสาร  “เอสไทรออล” (estriol) ซึ่งถือว่าเป็นรูปเอสโตรเจนที่ปลอดภัยที่สุด  น้ำมะพร้าวอ่อนสามารถป้องกันมะเร็งเต้านมได้  เพราะจะช่วยรักษาสมดุลเอสโตรเจนได้
  • ลดอาการ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกกลางคืนในสตรีวัยหมดประจำเดือนนอกจากนี้ การล้างหน้าด้วยน้ำมะพร้าวยังทำให้ผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่งเนื่องจาก น้ำมะพร้าวประกอบไปด้วยเกลือแร่ และยังเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้สดใสอยู่เสมอ

 

 

 

 

 

มะกรูด สมุนไพรคู่บ้าน

หลายคนคงรู้จักกันดีกับ มะกรูด ที่นอกจากคุณแม่บ้านและคุณพ่อบ้านชอบนำมาปรุงอาหารเพื่อช่วยในการดับกลิ่นของอาหารได้ดีและช่วยเพิ่มกลิ่นหอมในอาหารได้ดีเช่นเดียวกัน สรรพคุณของใบมะกรูด และ ประโยชน์ของใบมะกรูด ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะในใบมะกรูดก็จัดเป็นอีกหนึ่งสมุนไพร ที่มีประโยชน์มากมาย

มะกรูด
ภาพประกอบ smileconsumer.com

มะกรูด จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีใบสีเขียวแก่ พื้นผิวใบเรียบเป็นมันค่อนข้างหนา และมีกลิ่นหอมมาก เพราะที่ใบมะกรูดจะมีต่อมน้ำมันอยู่ ส่วนผลของมะกรูดจะมีสีเขียวเข้มคล้ายมะนาว แต่ผิวภายนอกจะขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด แต่หากเป็นพันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก และมีรสเปรี้ยว

มาดูประโยชน์จากมะกรูดกันค่ะ

  1. มะกรูดมีสรรพคุณในการไล่แมลง ก็เพราะในมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหย Cilronellal อยู่จำนวนมาก ทั้งที่ผิวและใบ รวมทั้งยังมีกรดซิตริกในน้ำของผลมะกรูด และยังมีสารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ เช่น Sabinene  Citronellyl-Floetate , Citronella , Linalool , Iso-pulegol ซึ่งช่วยขับไล่แมลงต่าง ๆ รวมทั้งยุงได้อย่างดี โดยใช้ใบมะกรูด สัก 3-4 ใบ ต่อข้าว 1 ถัง ใส่ลงไปในถังข้าวสาร และหากใบมะกรูดแห้งแล้ว ก็ให้เปลี่ยนใบใหม่ เพียงเท่านี้แมลงมอดทั้งหลายก็ไม่มารบกวนแล้ว
  2. ใบมะกรูดช่วย ขับลม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี แต่ถ้ารู้สึกเครียด ๆ ก็เอาใบมะกรูดมาฉีก ๆ แล้วดมก็ทำให้ผ่อนคลายได้  เพราะในใบมะกรูดจะมีสารบางตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี เมื่อนำน้ำอุ่นใส่ภาชนะฉีกใบมะกรูดลงในน้ำอุ่นแช่เท้าหรือมือไว้สักพัก กลิ่นใบมะกรูดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บวกกับน้ำอุ่นก็จะทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นสบายตัวดีด้วย
  3. ใช้ในการรักษาเส้นผมให้สวย ดกดำ และเงางาม รวมถึงดูแลหนังศรีษะให้สุขภาพดี โดยการคั้นน้ำมะกรูด 4-5 ลูก มาสระผมแทน แชมพู ก็จะทำให้หนังศีรษะแข็งแรง
  4. ขับลมแก้จุกเสียด ตัดจุกผลมะกรูดคว้านไส้กลางออกเอามหาหิงส์ใส่แล้วปิดจุก นำไปเผาไฟจนดำเกรียมบดเป็นผงละลายกับน้ำผึ้งรับประทาน จะช่วยขับลม แก้ปวดท้องหรือป้ายลิ้นเด็กอ่อน เป็นยาขับขี้เทาได้
  5. เปลือกมะกรูด นำมาฝนใช้ผสมในเครื่องสำอางบางชนิด เช่น แชมพู สบู่
  6. น้ำมะกรูดใช้ถูฟัน แก้เลือดออกตามไรฟัน