10 สมุนไพร ลดความดันโลหิต

โรคความดันโลหิตสูง ถือเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตที่ของคนไทย และมีแนวโน้มที่จะพบผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ Pitchaya.net ขอพาทุกท่านไปรู้จักกับสมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณช่วยลดความดันในเลือด สาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง หาทานง่าย ราคาไม่แพง

ขิง ,ย่อยอาหาร, ลดความดันโลหิต

1) ขิง
เป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากกว่า 5 พันปี “ขิง” มีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร ลดความดันโลหิตได้ดี และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากขิงเป็นพืชที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานมากจนเกินไป อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาการร้อนในได้

มะกรูด,ต้านแบคทีเรีย,ลดความดันโลหิต
2) มะกรูด
นิยมนำส่วนของใบ และน้ำของผลมะกรูดมาใช้ในการประกอบอาหาร “มะกรูด” ถือเป็นสมุนไพรที่มากด้วยสรรพคุณทางยา มีฤทธิ์ช่วยต้านแบคทีเรีย และช่วยลดความดันโลหิต วิธีใช้ นำใบมะกรูด 7-10 ใบมาต้มน้ำ ดื่มเช้าเย็นเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ระดับความดันโลหิตเป็นปกติ

ฟ้าทลายโจร,ลดความดันโลหิต, ลดการเต้นของหัวใจ

3) ฟ้าทะลายโจร
“ฟ้าทะลายโจร” มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มากด้วยสรรพคุณทางยา โดยสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจร พบว่า สารสกัดในฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ลดการเต้นของหัวใจไม่ให้เร็วเกินไป และช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด

อบเชย,ลดความดันโลหิต ,ลดน้ำตาลในเลือด

4) อบเชย
เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม มีงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่น พบว่า อบเชยมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต วิธีใช้ นำอบเชยมาบดให้เป็นผง หรือใช้ผงอบเชยสำเร็จรูป ชงกับน้ำ ดื่มเช้า เย็น และก่อนนอน นอกจากนี้อบเชยยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

ใบบัวบก,แก้ช้ำใน, ร้อนใน,ลดความดัน

5) ใบบัวบก
น้ำใบบัวบก นอกจากจะช่วยแก้อาการช้ำใน ร้อนในแล้ว ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสรรพคุณในการลดความดัน แนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้

 

6) ตะไคร้
ตะไคร้ มีสรรพคุณช่วยขับลม ขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต ที่สำคัญ “ตะไคร้” ยังเป็นพืชสมุนไพร ที่หาได้ง่ายและสามารถปลูกได้เองด้วย

ขึ้นฉ่าย,ลดความดัน

7) ขึ้นฉ่าย
เป็นสมุนไพรที่ชาวเอเชียนำมาใช้เป็นยาลดความดัน มานานกว่า 2 พันปี โดยชาวจีน และเวียดนาม เชื่อว่า การรับประทานขึ้นฉ่าย จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติได้ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยขึ้นฉ่ายกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ดี

เห็ดหลินจื,ลดคลวามดัน,ละลายลิ่มเลือด

8) สปอร์เห็ดหลินจือ MG 2
เห็ดหลินจือ เป็นสมุนไพรจีนที่ถูกขนานนามว่า เป็น “ราชาสมุนไพร” ที่หายาก และมีฤทธิ์ในการรักษาได้หลายประการ เนื่องจากในสปอร์เห็ดหลินจือ MG2 มีสารออกฤทธิ์หลายชนิด โดยเฉพาะสารออกฤทธิ์ที่ชื่อว่า โพลีแซคคาไรด์(polysaccharide) จะช่วยลดระดับความดันในเลือด อีกทั้งสารโพลีแซคคาไรด์ ยังช่วยละลายลิ่มเลือดและชะลอการก่อตัวของเกล็ดเลือด บรรเทาอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ และบรรเทาอาการหลอดเลือดสมองตีบ ได้อีกด้วย

กระเทียม,ลดความดัน

9) กระเทียม
สารสกัดในกระเทียม มีสรรพคุณในการลดความดันโลหิตลง อย่างไรก็ตามควรเน้นว่าต้องเป็นกระเทียมแก่ เพราะหากเป็นกระเทียมอ่อน หรือกระเทียมที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว จะมีสรรพคุณไม่เทียบเท่ากับกระเทียมแก่

กระเจี๊ยบแดง,ลดความดัน

10) กระเจี๊ยบแดง
ในกระเจี๊ยบแดง มีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะไปช่วยเสริมสร้างให้หลอดเลือดมีความแข็งแรง การดื่มน้ำกระเจี๊ยบเป็นประจำ จะช่วยลดระดับความดันโลหิตลงได้

ภาพประกอบ : kaidee.com, sanook.com, postnoname.com, kapook.com,
mthai.com,ข่าวสด.com,medthai.com,chonburipost.com
sukkaphap-d.com
ข้อมูล : ถั่งเช่า ม.เกษตร(คอร์ดี้ไทย)

11 ประโยชน์ของงาดำ คุณค่าล้นเมล็ด ซูเปอร์ฟู้ดเพื่อสุขภาพ

สารสกัดจากงาดำ

  1. ช่วยบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์

สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ การรับประทานงาดำสามารถลดอาการปวดได้ เนื่องจากในงาดำประกอบไปด้วยธาตุทองแดงที่มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ทำให้อาการปวดลดลง นอกจากนี้พบว่าธาตุทองแดงยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนดังกล่าวมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ กระดูกอ่อน ข้อต่อ และหลอดเลือดให้มีความแข็งแรง

  1. ช่วยบำรุงกระดูก และผิวพรรณ

“งาดำ” ขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมที่อยู่ในงาดำนั้นมีมากกว่านมถึง 6 เท่า นอกจากนี้ก็ยังมีธาตุสังกะสีที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูก และเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก จึงเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน ในขณะที่วิตามิน E ที่มีอยู่ในงาดำก็ยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น เมื่อรับประทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่าผิวพรรณดี กระดูกจะแข็งแรง และห่างไกลจากริ้วรอยแห่งวัย ดูเด็กลงได้อีกหลายปีเลยทีเดียว

  1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

สารเซซามิน(Sesame ) และสานเซซาโมลีน เป็นไฟเบอร์ในกลุ่ม Lignans(ลิกแนน) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งสารชนิดดังกล่าวเป็นสารที่อุดมอยู่ในงาดำ นอกจากนี้แล้วในงาดำก็ยังอุดมไปด้วย Phytosterols(สารไฟโตสเตอรอล) ซึ่งมึโครงสร้างใกล้เคียงกับคอเลสเตอรอล แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ยิ่งรับประทานก็จะยิ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ อีกด้วย

  1. ช่วยบำรุงหัวใจ

เนื่องจากงาดำมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ จึงทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะเมื่อร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลที่ลดลง ก็จะส่งผลดีต่อร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดก็ดีขึ้น หลอดเลือดหัวใจสะอาดขึ้น ลดความเสี่ยงได้ทั้งโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด

  1. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

สารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidants) ที่อัดแน่นอยู่เต็มเมล็ดงาดำ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้งาดำขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ทรงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งลำไส้ เนื่องจากไฟเบอร์ที่อยู่ในงาดำจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้สารเซซามินที่มีอยู่ในงาดำนั้นยังช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายตับและเมื่อตับสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่มีสารพิษสะสมในร่างกายจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั่นเอง อย่างไรก็ตามหากรับประทานงาดำมากจนเกินไปก็อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่พอดีถึงจะเกิดผลดีที่สุดค่ะ

  1. ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย

แม้จะเป็นเพียงแค่ธัญพืชเมล็ดเล็กๆ แต่ในงาดำยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์จำนวนมาก ซึ่งถ้ารับประทานงาดำเป็นประจำ จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หมดกังวลเรื่องท้องผูกไปได้เลย ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบขับถ่ายลองหางาดำมารับประทานกันดูนะคะแล้วจะรู้ว่าชีวิตมันง่ายขึ้น

  1. ช่วยบรรเทากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)

กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนถือเป็นปัญหาใหญ่ของคุณสาวๆ หลายคน เนื่องจากทำให้อารมณ์แปรปรวน หรือเกิดอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว นอนไม่หลับ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามถ้าต้องการจะลดอาการเหล่านี้แนะนำให้รับประทานงาดำค่ะ เพราะในงาดำอุดมไปด้วยวิตามิน B แมกนีเซียม แคลเซียม และสังกะสี ที่ช่วยลดอาการ PMS ได้เป็นอย่างดี บอกลาอาการต่างๆ ก่อนมีประจำเดือนไปได้เลยค่ะ

  1. ช่วยบำรุงเส้นผม แก้ผมร่วง

งาดำเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยไขมันชนิดดี ไม่ว่าจะเป็นไขมันโอเมก้า(Omega) 3,6,9 ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงให้หนังศีรษะและเส้นผมมีความชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี หากใช้น้ำมันงาดำมานวดศีรษะเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณศีรษะ ทำให้เส้นผมได้รับแร่ธาตุและวิตามินมากขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่ายและยังทำให้เส้นผมดกดำเงางามขึ้นอีกด้วย

  1. ช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

แมกนีเซียมและแคลเซียมที่อยู่ในงาดำ มีส่วนสำคัญในการช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ Tryptophan (ทริปโตเฟน) ซึ่งเป็นกรดอะมิโน(Amino Acid) ที่มีอยู่ในงาดำยังช่วยในการเสริมสร้างทำงานของเซโรโทนิน(Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

  1. บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์

จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ethnopharmacology พบว่า การรับประทานสารสกัดจากงาดำ สามารถช่วยชะลอและป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้ โดยจากการศึกษาได้ให้อาสาสมัครที่อยู่ในกลุ่มผู้สูงวัย รับประทานสารสกัดจากงาดำชนิดแคปซูล ปริมาณ 500 มิลลิกรัม ทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 9 สัปดาห์ พบว่าหลังจาก 9 สัปดาห์ผ่านไป อาสาสมัครเหล่านี้มีพัฒนาการในด้านการเรียนรู้และความจำที่ดีขึ้น

  1. ช่วยบำรุงสายตา

ในทางการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าดวงตานั้นสัมพันธ์กับตับ ดังนั้นหากตับมีปัญหาก็ส่งผลให้ดวงตาอ่อนล้า ตาแห้ง และมองเห็นไม่ชัดได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้มีการนำงาดำมาใช้ในแพทย์แผนจีนเพื่อโยชน์ทางด้านบำรุงสายตาและตับไปพร้อมๆ กัน เมื่อตับมีสุขภาพดี ดวงตาก็จะชุ่มชื้นและใสปิ๊ง หมดปัญหาสุขภาพตาไปได้เลย

แกงคั่วยอดมะพร้าวอ่อน


เมนูเด่นเมนูนี้คือ แกงคั่วยอดมะพร้าวอ่อน ค่ะ วันนี้เพื่อนๆ นัดมาว่าจะมาบุกบ้านสวนของเรา แล้วมีออเดอร์แกงคั่วหน่อไม้ดองมาด้วยล่วงหน้า จะทานกับข้าวสวยและขนมจีนกัน แล้วเราก็จะทำ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เพิ่มอีกอย่าง ส่วนของหวานก็จะเป็น แกงบวดฟักทอง เครื่องดื่มก็เป็น น้ำลำไย เราก็จดรายการของที่ต้องการซื้อฝากร้านขายของชำในหมู่บ้านไว้เมื่อวานเย็น พอเช้านี้ออกไปเอาของ แม่ค้ากลับบอกว่าทุกอย่างได้ครบ แต่ขาดหน่อไม้ดอง เรางี้เหวอเลย แล้วจะทำไงดีล่ะเนี่ย จะนึกเมนูอะไรก็ไม่ทันแล้วซิ พอดีเหลือบไปเห็นมียอดมะพร้าวอ่อนวางขายอยู่ถุงนึง เราเลยรีบคว้าไว้ก่อนเลย ไม่เป็นไรไม่มีหน่อไม้ดองก็ใช้ยอดมะพร้าวอ่อนแทนก็ได้หยวนๆ ละกันเนาะ มาค่ะเรามาเข้าครัวทำ แกงคั่วยอดมะพร้าวอ่อน รอเพื่อนๆ กันดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
ยอดมะพร้าวอ่อน 300 กรัม
ปลาดุก 500 กรัม
น้ำพริกแกงคั่ว 100 กรัม
กะทิ 400 มล.
พริกชี้ฟ้าแดง 3  เม็ด
ใบมะกรูด 5-6 ใบ
โหระพา 2 ช่อ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1  ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแกงคั่วยอดมะพร้าวอ่อน
– ก่อนอื่นเราก็นำยอดมะพร้าวไปล้างน้ำก่อน แล้วนำมาฝานเป็นชิ้นๆ หรือจะหั่นยังไงก็ได้แล้วแต่ค่ะ

– จากนั้นนำปลาดุกมาคลุกเกลือป่น แล้วล้างน้ำให้หมดเมือก พักไว้ (เราเซ็งมากเลยกับเจ้าปลาดุกนี่ พอกลับถึงบ้านเราเปิดถุงปลาดุกที่เค้าหั่นเป็นแว่นๆ แล้วดู ปลาดุกตัวเล็กมาก แถมยังมีส่วนหัวกับส่วนหางเยอะมาก ตกลงเค้าใช้ปลาดุกกี่ตัวกันแน่ เห็นมีแต่หัวกับหางเต็มไปหมด ส่วนลำตัวมีไม่กี่ชิ้นเอง นี่แหล่ะน๊าอะไรที่ไม่ได้ไปเลือกซื้อเอง ฝากเค้าซื้อก็มักจะไม่ได้ดั่งใจแบบนี้แหล่ะ บ่นๆๆๆๆๆๆ)

– สำหรับน้ำพริกแกงคั่วของเราวันนี้ก็เป็นน้ำพริกแกงคั่วที่โขลกเองค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าทำยังไงก็ตามลิ้งค์กลับไปดูเมนู แกงคั่วปลาดุกหน่อไม้ดอง นะคะ

– ล้างพริกแดงหั่นแฉลบ ส่วนใบมะกรูดก็ฉีกเอาก้านทิ้งไป

– โหระพาล้างน้ำแล้วเด็ดเป็นใบๆ เตรียมไว้

– ส่วนกะทิเราแยกเป็นหัวกะทิ 100 มล. หางกะทิ 300 มล.  (ในรูปมีแต่หัวกะทิ หางกะทิหายไปไหนเนี่ย สงสัยลืมถ่าย อิอิ)

– ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่หัวกะทิลงไป พอกะทิแตกมันก็ใส่น้ำพริกแกงคั่วลงไปผัด ผัดจนหอม

– จากนั้นใส่กะทิส่วนที่เหลือลงไปครึ่งหนึ่ง พอกะทิเริ่มเดือดก็ใส่ปลาดุกลงไป ยังไม่ต้องรีบคนนะคะ

– ตั้งหม้อทิ้งไว้ซักพัก จึงใส่ยอดมะพร้าวอ่อนตามลงไป คนให้เข้ากันแล้วเติมน้ำกะทิส่วนที่เหลือลงไปให้หมด

– ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปิ๊บ คนให้เข้ากัน พอทุกอย่างสุกก็ใส่พริกแดง ใบมะกรูด และโหระพาลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ

ตักแกงคั่วยอดมะพร้าวอ่อนใส่ถ้วยยกเสิร์ฟ จะทานคู่กับข้าวสวยหรือเส้นขนมจีนก็ได้ค่ะ อร่อยได้เหมือนๆ กัน

ถึงเมนูวันนี้จะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ก็ได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ว่าอร่อยมาก (เพื่อนๆ พูดเองโดยไม่ต้องถือมีดจี้เอวนะคะ อิอิ)

เกือบจะไม่ได้รูปตอนทำเสร็จแล้วนะคะ เพราะพอทำเสร็จแล้วรีบตักไปทานกันเลยค่ะ ลืมถ่ายรูปก่อนพอนึกขึ้นได้อีกที เหลือติดอยู่ก้นหม้อแค่นี้แหล่ะค่ะ อิอิ