วันนี้เราทำขนมหวานมาให้เพื่อนๆ ชิมค่ะ พอดีมีคนแอบบ่นๆ ว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยจะทำขนมหวานมากินเลย ซึ่งมันก็จริงๆ ด้วย เราลืมเมนูขนมหวานไปเลย อาจเป็นเพราะช่วงนี้เรารู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า เราเลยต้องระวังตัวเรื่องการกินของหวานๆ ของมันๆ  ไม่ใช่ว่าจะมีจิตสำนึกอยากจะดูแลสุขภาพหรือว่าอะไร เหตุเพราะตอนที่จะหยิบเสื้อผ้าตัวไหนมาใส่นี่ซิ แทบจะเอาัตัวเองยัดเข้าไปไม่ค่อยจะได้แล้ว ขืนเราไม่รู้จักระวังเรื่องการกิน อีกหน่อยเราคงเคลื่อนย้ายตัวเองโดยไม่ต้องเดินแล้ว เวลาจะไปไหนคงต้องกลิ้งไปแทนการเดินแน่นอนเลย 555 (ยิ่งกลมๆ ป้อมๆ ขาสั้นนิดเดียวอยู่แล้วด้วย ต่อไปก็คงต้องเป็นตุ่มต่อขาแน่ๆ ) แต่เพื่อสนองความต้องการของคนอยากเค้าหน่อยค่ะ เดี๋ยวแจ๋วจัดเมนูขนมหวานแบบไทยๆ ให้ก็แล้วกัน พอดีเราได้เผือกหอมมาจากตอนไปเที่ยวที่อำเภอวังเหนือ ยังไม่ได้ฤกษ์เอาออกมาทำอะไรเลย งั้นวันนี้ก็จัดการงัดเอาออกมาทำบัวลอยเผือกทานดีกว่า  ( เมนูนี้ยิ่งเป็นเมนูสุดโปรดของเราซะด้วยซิ อะไรก็ตามที่มีส่วนประกอบด้วยเผือกเราจะชอบทั้งนั้น แล้วชั้นจะรอดมั๊ยนี่วันนี้) มาค่ะมาช่วยแม่ครัวตัวกลมทำบัวลอยเผือกกันเลยดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
แป้งข้าวเหนียว  200 กรัม
เผือก 1 หัว
กะทิ 250 มล.
นมสด 200 มล.
น้ำตาลทราย 150 กรัม
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำสะอาด 50 มล.
ใบเตย 2 ใบ

วิธีทำบัวลอยเผือก
– ก่อนอื่นต้องนำเผือกมาปอกเปลือกล้างน้ำ แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ นำไปนึ่งจนสุกเตรียมไว้ก่อน

– นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งมันมาร่อนผสมกันใส่ลงไปในชาม

– จากนั้นบดเผือกนึ่งให้ละเอียด ใส่ลงไปในชามแป้ง

– นวดแป้งและเผือกนึ่งให้เข้้ากัน เติมน้ำต้มสุกลงไปทีละน้อย แล้วนวดจนกว่าแป้งจะนิ่ม และพอที่จะปั้นเป็นก้อนบัวลอยได้

– จากนั้นก็นำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ โดยใช้ฝ่ามือคลึงเบาๆ

– เมื่อปั้นเสร็จแล้วก็ใส่ลงไปในจานที่โรยแป้งนวลไว้

– จากนั้นนำหม้อใส่น้ำเปล่ายกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำในหม้อเดือดจัด ก็ใส่เม็ดแป้งบัวลอยลงไปต้ม พอแป้งสุกจะลอยขึ้นมา (เหมือนชื่อบัวลอยเลยใช่มั๊ยคะ)

– เราก็ตักบัวลอยที่สุกแล้วใส่ลงไปในชามน้ำเย็น เพื่อที่จะไม่ให้แป้งบัวลอยสุกไปมากกว่านี้

– ระหว่างนี้เราก็นำกะทิและน้ำสะอาดลงไปใส่ลงไปในหม้อ ใส่น้ำตาลทรายลงไปผสม คนให้น้ำตาลละลาย จากนั้นยกขึ้นตั้งไฟ

– ล้างใบเตย ตัดเป็นท่อนๆ ใส่ลงไปด้วย ต้มทิ้งไว้จนกะทิเดือด ใส่เกลือป่นลงไป ซักครู่ก็ตักใบเตยออก

– นำบัวลอยที่เราซาวน้ำให้สะเด็ดแล้วใส่ลงไปในหม้อ

– ต้มเม็ดแป้งบัวลอยในน้ำกะทิซักครู่

– หากอยากจะทานเป็นบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใ่ส่ลงไป (ถ้าได้ไข่นกกระทาก็น่าจะดีนะคะ เราไม่มีเลยใช้ไข่ไก่แทนค่ะ)

– พอไข่สุก ก็เิติมนมสดลงไป ทิ้งไว้ซักครู่ปิดไฟ ตักบัวลอยเผือกใส่ถ้วยยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

เป็นไงคะโฉมหน้าบัวลอยเผือกของเราน่าหม่ำดีใช่มั๊ยคะ แถมยังมีไข่หวานสุกกำลังพอดีๆ ซะด้วย

เป็นอันว่าวันนี้นังแจ๋วตะบะแตกเหมือนดังเช่นทุกครั้งค่ะ หล่อนไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ซัดไปคนเดียวหนึ่งถ้วยใหญ่ๆ  อิอิ (แต่ไม่กินไข่หวานค่ะ) ที่เห็นในรูปนี้เป็นของคนอื่นค่ะ (ของแจ๋วต้องชามก๋วยเตี๋ยว อ๊ะๆๆ ไม่ช่ายยยยค่า ถ้วยเท่ากันนี่แหล่ะค่ะ แต่ไ่ม่ใส่ไข่หวานค่ะ)

ข้าวยีสต์แดง
บัวลอยเผือก