รู้สึกว่าเรามาเกิดเป็นคนที่โชคดีมากๆ ที่สามารถจะเลือกทานอะไรก็ได้ตามใจชอบ แ่ต่เราก็ไม่ค่อยมองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของอาหารที่จะทานในแต่ละวัน ส่วนมากเราจะเลือกทานตามใจปากมากกว่า แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่ายังมีคนอยู่คนหนึ่งที่เค้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกทานอะไรที่ตัวเองอยากทานได้เลย  มีใครได้ดูรายการตีสิบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาั่มั่งคะ เรื่องของน้องนีโม่ที่ป่วยเป็นโรคฉี่หอม ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่จำกัดปริมาณโปรตีน การที่น้องนีโม่ทานโปรตีนเกินปริมาณที่ร่างกายของน้องเค้าจะรับได้ ทำให้โปรตีนส่วนเกินที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ ไปทำลายสมองของน้องทำให้น้องป่วย ถ้าวันไหนทานโปรตีนเกินปริมาณน้องจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด (คุณแม่น้องบอกว่าน้องจะปวดที่ศีรษะ) แล้วเวลาฉี่ออกมาจะมีกลิ่นคล้ายกับกลิ่นน้ำเชื่อมไหม้ อาหารที่น้องทานได้ก็จะมีแค่ผัก ข้าวสวย และน้ำเปล่าผสมกันเท่านั้น ความจริงน้องเป็นคนน่ารักมาก แล้วน้องก็อยู่กับแม่แค่ 2 คน ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แม่ต้องทำมาหากินเลี้ยงน้องตามลำพัง น้องต้องดื่มนมเฉพาะสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนนี้เท่านั้น ปกติหมอจะสั่งให้น้องกินนมได้วันละ 4 ช้อน แต่ด้วยความที่แม่หาเงินคนเดียว ไหนจะต้องมีค่ารักษาพยาบาลน้อง แล้วค่านมก็แพงทำให้น้องได้กินนมเพียงแค่วันละช้อนเดียว หรือหากวันไหนน้องหิวมากๆ แ่ม่ก็จะแถมให้น้องอีกหนึ่งช้อนเท่านั้น แม่ของน้องบอกว่าการให้น้องกินนมช้อนเดียวทุกวัน ดีกว่าการกินวันละ 4 ช้อน แต่พอนมหมดน้องก็จะอดแล้ววันต่อๆ ไปน้องก็จะไม่มีนมกิน จนกว่าคนแม่จะมีเงินมาซื้อนมให้น้อง เราดูแล้วถึงกับร้องไห้ไปด้วย เพราะความสงสารน้องและคุณแม่ของน้อง เราได้จดชื่อและเลขที่บัญชีของคุณแม่น้องนีโม่ไว้ แต่ลองพยายามที่จะโอนเิงินหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ผ่านซักที ตอนแรกคิดว่าถ้าโอนผ่านแล้วจะเอาชื่อและเลขที่บัญชีมาฝากไว้บนหน้านี้ด้วย เผื่อใครที่มีใจเมตตาน้องนีโม่จะได้ช่วยกันโอนเิงินค่านมไปช่วยน้องบ้าง แต่พอเราโอนไม่ผ่านเราก็เลยไม่กล้าเอามาแปะไว้ แล้วเราจะลองพยายามโอนอีกทุกๆ วันเผื่อจะโอนได้ (เวลาโอนไม่ผ่านเค้าจะแจ้งว่าอาจจะมีการทำรายการอยู่ หรือไม่บัญชีนี้อาจจะปิดไปแล้ว) เราก็เช็คเลขที่บัญชีโดยละเอียดแล้วก็ถูกต้อง หรือบางทีเราอาจจะลองไปโอนผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารดูอีกทีอาจจะได้ ถ้าเราโอนเงินผ่านเมื่อไหร่เราจะเอาเลขที่บัญชีมาแปะไว้ให้นะคะ แต่ตอนนี้เรามาเข้าครัวทำอาหารของเรากันก่อนดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียม
พริกหนุ่ม 7-8 เม็ด
หมูสับ 70 กรัม
ปลาร้าสับ 30 กรัม
มะเขือเทศ  2ลูก
กระเทียม 1 หัว
หอมแดง 3 หัว
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีซอย 1-2 ต้น

วิธีทำน้ำพริกปลาร้าหมูสับ
– เริ่มจากนำพริกหนุ่มไปย่างไฟ เราใช้วิธีย่างบนเตาแก๊สอินฟาเรดโดยวางตะแกรงบนเตาแก๊ส ปูทับตะแกรงด้วยฟอยด์ แล้วจึงนำพริกหนุ่มที่ล้างสะอาด แล้วใช้เหล็กแหลมจิ้มให้เป็นรูเพื่อระบายความร้อนทุกเม็ดก่อน เสร็จแล้ววางลงบนฟอยด์ เปิดไฟแรง
– พอย่างพริกหนุ่มสุกแล้ว ปอกเอาเปลือกพริกออก ส่วนหอมแดงและกระเทียมก็ย่างบนเตาเหมือนกับพริกหนุ่ม แล้วปอกเปลือกไว้เช่นกัน (แต่ลืมถ่ายรูปหอมแดงกับกระเทียม)

– ส่วนหมูสับและปลาร้าสับ ก็แยกห่อฟอยด์คนละห่อ แล้วนำเข้าเตาอบไฟฟ้าใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือจนสุก แล้วเอาออกจากเตามาวางพักไว้
– มะเขือเทศล้างน้ำให้สะอาด ใช้เหล็กแหลมจิ้มให้เกิดรู ใส่กล่องทนความร้อน นำเข้าไมโครเวปประมาณ 10 นาที
(เราก็จะได้ปลาร้าหมกกับหมูสับหมก และมะเขือเทศที่สุกพร้อมทำน้ำพริกแล้วค่ะ

– ทีนี้เราก็นำพริกหนุ่ม กระเทียม หอมแดง ปลาร้าหมก หมูสับหมก ใส่ลงไปในครกตำให้แหลก จากนั้นใส่มะเขือเทศลงไป (มะเขือเทศให้หยิบเอาเปลือกออกก่อน ใส่เฉพาะเนื้อมะเขือเทศที่เละๆ ก็พอค่ะ )
– ใช้ครกตำเบาๆ ลองตักชิมรสดู ถ้าหากปลาร้าหมกของเรามีรสเค็มอยู่แล้วอาจจะใส่น้ำปลาแค่เล็กน้อย หรืออาจจะไม่ต้องใส่เลยก็ได้ค่ะ
– ใส่ผักชีซอยลงไป คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย โรยด้วยผักชีซอยอีกนิดหน่อย ยกเสิร์ฟทานกับผักสดหรือผักลวกได้ตามชอบค่ะ

น้ำพริกปลาร้าหมูสับสูตรของเราบางวันเราจะนำไปผัดกับน้ำมันเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้ได้น้ำพริกที่อร่อยมากขึ้น แต่ถ้าใครไม่ชอบน้ำพริกที่มีน้ำมันเยิ้มๆ ก็จะทานแบบนี้เลยก็ได้ค่ะ

ข้าวยีสต์แดง
น้ำพริกปลาร้าหมูสับ