17 คุณประโยชน์ของลำไย ต้านโรคระดับสูง ลดปริมาณสารพิษในร่างกาย

ลำไย

“ลำไย” เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงด้านการป้องกันและรักษาสุขภาพของร่างกายได้เป็นอย่างดีมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน

ในอดีตตำรายาแพทย์แผนจีนใช้ลำไยแห้งมาช่วยบำรุงหัวใจ และยังเชื่อว่าลำไยสามารถบำรุงระบบต่างๆ ภายในร่างกายได้ดี เช่น บำรุงเลือด บำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ บรรเทาอาการเครียด นอนไม่หลับ ในประเทศไทยเองก็มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า ลำไยมีสรรพคุณทางยาที่จะช่วยยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็งได้ รวมถึงสารสกัดจากลำไยสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารเคมีที่ใช้ในยาและเครื่องสำอางบางชนิดด้วย

นอกจากนี้ในทางโภชนาการลำไยยังอุดมไปด้วยสารอาหารและที่มีคุณค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลซูโครสและกลูโคส, กรดทาทาริก, สารประกอบไนโตรเจน ตลอดจนวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินซี, วิตามินบี 12 ,แคลเซียม, ทองแดง, โพแทสเซียม, โซเดียม ฯลฯ เพราะฉะนั้นลำไยจึงมีสรรพคุณช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย

  1. ทาน “ลำไย” อย่างไรให้ได้สุขภาพดี
    ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอาการร้อนในหรือเจ็บลิ้นได้ เนื่องจากลำไยเป็นผลไม้ที่มีรสหวานมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระวังเป็นพิเศษ รวมถึงผู้ที่มีอาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หรือมีแผลในช่องปาก ก็ไม่ควรทานลำไยเช่นกัน17 คุณประโยชน์ของลำไยในการรักษาโรค
    1. ลำไยมีรสหวานประกอบด้วยน้ำตาลชนิดกลูโคส และ ซูโครสสูง โดยเฉพาะลำไยแห้ง จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้อาการเหน็ดเหนื่อยหายได้เร็ว
    2. มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้อาการอักเสบเรื้อรังเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค เช่น โรคไขข้อเสื่อม โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ฯลฯ ซึ่งมีการทดลองทางการแพทย์ในต่างประเทศพบว่า น้ำสกัดจากลำไยสามารถบรรเทาอาการอักเสบให้ทุเลาลงจนกระทั่งหายขาดได้
    ปัจจุบันมีงานวิจัยโดย ศ.ดร.เกียรติคุณ
    3. ลำไยมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม ลดอนุมูลอิสระที่อยู่ในเม็ดเลือดขาว จึงช่วยลดการแพร่กระจายและฆ่าเชื้อของเซลล์มะเร็งต่างๆ ได้ และยังลดสารพิษที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี
    4. ช่วยเพิ่มแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ โดยจะลดแบคทีเรียร้ายที่ทำให้สุขภาพอ่อนแอลงจนเกิดโรคต่างๆ และยังหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในลำไส้ได้
    5. ลำไยอุดมไปด้วยวิตามินซี นอกจากช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีแล้ว ยังช่วยดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สุขภาพดี และมีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาอาการหวัด
    6. ลำไยเป็นผลไม้ที่มีพลังงานสูง เนื่องจากมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในปริมาณมากนั่นเอง
    7. ช่วยลดปริมาณสารพิษที่อาจเข้าสู่ตับได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานของตับให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
    8. มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ในกรณีที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไม่สามารถทำงานได้ ลำไยช่วยได้ อีกทั้งช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมในกระเพาะอาหาร
    9.ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น เนื่องจากลำไยมีกรดไขมันชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เพิ่มความชื้นในอุจจาระมากขึ้น ทำให้อุจจาระไม่แห้ง
    10.เสริมสร้างให้กระดูกและฟันแข็งแรง เนื่องจากมีแคลเซียมสูง ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน กระดูกบางจนเปราะและแตกหักง่าย
    11. ช่วยสลายคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง และยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลที่ผ่านผนังลำไส้ได้ จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ดี
    12. ช่วยบำรุงเลือด ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้ร่างกายไม่ให้อ่อนเพลียง่าย บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
    13. ลำไยมีธาตุทองแดง ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กมาใช้ได้มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายมีพลังงานมากพอในการใช้งาน
    14. ลำไยเป็นแหล่งของวิตามินบี 12 ซึ่งมีหน้าที่ในการบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    15. ลำไยมีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร เวลานอนทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสนิทขึ้นด้วย
    16. ลำไยมีโซเดียมที่มีคุณสมบัติในการบำรุงเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
    17. ช่วยบรรเทาอาการท้องร่วง ท้องเดิน และช่วยขับปัสสาวะ สลายก้อนนิ่วได้

แม้ว่า “ลำไย” จะเป็นผลไม้ที่ดูจากลักษณะภายนอกแล้วไม่ได้สวยงามมากนัก แต่เมื่อมองถึงสรรพคุณและประโยชน์ที่มีอยู่ภายในของผลไม้ชนิดนี้แล้ว ก็คงยืนยันได้ว่าลำไยนั้นเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากมายจริงๆ อย่างไรก็ตามควรทานลำไยในปริมาณที่เหมาะสม มิฉะนั้นแทนที่จะได้ประโยชน์จากลำไย อาจได้โทษของลำไยมาแทนโดยไม่รู้ตัว

ปัจจุบันมีผลงานงานวิจัย โดย ศาสตราจารย์ ดร.อุษณีย์ วินิจเขตคำนวณ ร่วมกับทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สามารถเแยกสารสกัดจากเมล็ดลำไยได้เป็นผลสำเร็จ และทำการพัฒนาต่อยอดมาเป็น “ครีมลองกานอยด์ longanoid” มีสรรพคุณในลดการเสื่อมของข้อกระดูกอ่อน สลายพังผืด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม หรืออักเสบ นิ้วล็อค ออฟฟิศซินโดรม หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ครีมนวดลองกานอยด์ยังได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ 2 ปีซ้อน, รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม และ 9 รางวัลจากสถาบันชั้นนำระดับโลก ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เวบไซต์ ลองกานอยด์.com
longanoid ขายที่ไหน

8 คุณประโยชน์ดีๆ จาก “มะรุม” ลดน้ำตาล – คอเลสเตอรอล

ลดน้ำตาล,คอเลสเตอรอล

เด็กๆ สมัยใหม่อาจจะเคยทานแต่ “แกงส้มมะละกอ” หรือ “แกงส้มผักรวม” แต่ถ้าเป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่เราแล้วล่ะก็ ในบรรดาแกงส้มทั้งหลายทั้งปวง “แกงส้มมะรุม” ถือเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุด ถึงแม้ว่าจะทานลำบากกว่าผักชนิดอื่นๆ ไปสักหน่อย แต่รับประกันได้ว่าถ้าได้ลองชิมแล้วจะติดใจ

มะรุม นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้ว ยังมีคุณประโยชน์ดีๆ ต่อร่างกายอีกมากมายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนอีกด้วย
8 ประโยชน์ดีๆ จาก “มะรุม

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง
  • ลดไขมัน และคอเลสเตอรอล
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • รักษาโรคโลหิตจาง
  • บำรุงหัวใจ
  • ลดน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • บรรเทาอาการไอ
  • แก้หวัด ลดไข้

มะรุม มีอันตรายหรือไม่?
จากการทดลองกับหนูในห้องทดลอง พบว่า หนูทดลองที่ผสมพันธ์แล้ว และถูกป้อนด้วยสารสกัดจากเมล็ดมะรุม มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้หนูมีเกิดการแท้ง ส่วนรากของมะรุม ทำให้ตัวอ่อนในครรภ์ฝ่อ และมะรุมดิบจะทำให้การเจริญเติบโตของหนูลดลง ดังนั้นมะรุม โดยเฉพาะ “มะรุมดิบ” อาจมีอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ได้

เมนูมะรุมที่อยากแนะนำ
นอกจากเมนูแกงส้มมะรุมแล้ว มะรุมยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกหลากหลายเมนู เช่น เมล็ดอ่อนของมะรุมสามารถนำมาทำยำมะรุมได้ นอกจากเมล็ด และฝักมะรุมแล้ว ใบมะรุมยังสามารถนำมาทำอาหารได้อีกด้วย เช่น แกงอ่อม แกงจืดไข่ใส่มะรุมลวก หรือใบมะรุมทอดกับไข่ทานกับน้ำพริก หรือทำเป็นชามะรุมไว้ดื่มเพื่อลดอาการไอ ทำให้ชุ่มคอได้อีกด้วย

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : Siam Herbs, Med Thai
ภาพ : sanook.com

8 สูตรสมุนไพรแก้ “เจ็บคอ” อร่อยดี มีประโยชน์

สมุนไพร,แก้เจ็บคอ,เป็นหวัด,คัดจมูก

เนื่องจากปัจจุบันอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวร้อน ทำให้หลายๆ คนเริ่มมีอาการป่วย ทั้งเป็นหวัด คัดจมูก มีไข้อ่อนๆ หรือแม้กระทั่งอาการเจ็บคอที่ทำให้หลายคนกังวลใจ วันนี้เราจึงนำเอาความรู้เกี่ยวกับวิธีบรรเทาอาการเจ็บคอที่ได้ผล ประหยัด และสามารถทำได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นสูตรจากธรรมชาติมาให้ได้ศึกษากัน

  1. น้ำ+เกลือ

เป็นสูตรที่ตกทอดกันมานานสำหรับการใช้น้ำอุ่น (1 ถ้วย) + เกลือ (1/4 ช้อนชา) มากลั้วคอ ก่อนจะบ้วนทิ้ง โดยน้ำอุ่นกับเกลือจะช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้อาการเจ็บคอลดลงไปด้วย

  1. น้ำผึ้ง + มะนาว + ขิง + น้ำ

สำหรับคนที่เจ็บคอมากๆ ลองนำ น้ำผึ้ง (1 ช้อนชา) + น้ำมะนาว (ประมาณครึ่งซีก) + น้ำขิง (1 ช้อนชา) + น้ำอุ่น ผสมกันแล้วนำมากลั้วคอ โดยน้ำผึ้งจะช่วยกำจัดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่มาสร้างความระคายเคืองให้กับคอ และน้ำมะนาวจะช่วยทำให้คอชุ่มชื่น ช่วยในเรื่องการรักษาโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้สูตรดังกล่าวยังช่วยให้สดชื่น และทำให้ลำคอโล่งขึ้นอีกด้วย

  1. พริกป่น + น้ำ

สูตรนี้จะใช้พริกป่น (2 ช้อนชา) + น้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมกันแล้วนำมากลั้วคอประมาณ 15 นาที ความเผ็ดร้อนของพริกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ โดยพริกจะทำหน้าที่เป็นยาแก้อักเสบกลายๆ และเมื่อสามารถลดอาการอักเสบได้ คอของเราก็จะแข็งแรง อาการไอและอาการเจ็บคอก็จะหายไป

  1. กานพลู + น้ำ

นำกานพลูชนิดอบแห้งมาบดให้ละเอียด (2 ช้อนชา) + น้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมกันแล้วนำมากลั้วคอ โดยอาจจะต้องกลั้วบ่อยซักหน่อย ซึ่งกานพลูมีสารต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยลดอาการอักเสบ

  1. ขมิ้นชัน + เกลือ + น้ำ

สูตรนี้จะใช้ขมิ้นชันซึ่งจะเป็นแบบที่บดแล้ว หรือที่เป็นผงพร้อมชงเลยก็ได้ โดยจะใช้ 1 ช้อนชา + เกลือ (1 ช้อนชา) + น้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมกันให้ได้ที่จากนั้นนำมากลั้วคอ ซึ่งคุณสมบัติของขมิ้นชันจะเป็นเสมือนสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดี และเกลือก็จะช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ทำให้สูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้เป็นอย่างดี

  1. แอปเปิ้ลไซเดอร์ + เกลือ

สูตรนี้จะเหมาะกับคนที่เจ็บคอ และมีอาการไอร่วมด้วย โดยจะใช้ แอปเปิ้ลไซเดอร์ (1 ช้อนชา) + น้ำร้อน 1 ถ้วย ผสมกันแล้วนำมากลั้วคอ ซึ่งแอปเปิ้ลไซเดอร์จะไปกำจัดแบคทีเรีย และเชื้อโรคบางชนิดในลำคอ จึงช่วยลดอาการระคายเคืองและเจ็บคอ ทำให้อาการไอลดลงด้วย

  1. ชาเขียวร้อน

สำหรับสูตรนี้มีเพียงแค่ชาเขียวและน้ำร้อนเพียงเท่านั้น โดยอาจจะใช้ชาที่เข้มข้นสักหน่อย นำมาชงแล้วจิบไปเรื่อยๆ โดยชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการติดเชื้อ การจิบชาเขียวอุ่นๆ บ่อยๆ จะช่วยละลายเสมหะ ทำให้อาการเจ็บคอหายเร็วขึ้น

  1. ชาราสเบอร์รี

ชาราสเบอร์รีมคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้เช่นกัน โดยอาจจะจิบชาราสเบอร์รี หรือจะนำมากลั้วคอก็ได้ นอกจากกลิ่นที่หอมของชาแล้ว ชาราวเบอร์รียังสามารถช่วยในการป้องกัน และบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก และช่วยสมานแผลอีกด้วย

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก
ภาพ : sanook.com